เมื่อเกมสยองขวัญสุดฮิตจากแพลตฟอร์ม PlayStation วิดีโอเกมชื่อดัง “Until Dawn” โดย Supermassive Games และมีฉากอยู่ในจักรวาลเดียวกันในขณะที่มีเรื่องราวแบบสแตนด์อโลนดั้งเดิมที่ขยายความจากตำนานของเกม ได้ถูกชุบชีวิตใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์ Until Dawn ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง ก็กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ทั้งแฟนเกมและคอหนังสายระทึกขวัญจับตารอมากที่สุด ด้วยการตีความเรื่องราวใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้การ ดูหนัง ได้รู้สึกถึงความลึกลับที่ค่อย ๆ แผ่ขยายท่ามกลางบรรยากาศหิมะตกบนยอดเขาอันห่างไกล ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอประสบการณ์เอาชีวิตรอดที่ผสมผสานทั้งความกลัวแบบจิตวิทยา, ความตื่นเต้นเร้าใจ และอารมณ์ดราม่าที่ลึกซึ้งกว่าที่ใครหลายคนคาดไว้ กำกับโดย เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก และเขียนบทโดย แกรี่ ดาวเบอร์แมน และแบลร์ บัตเลอร์
นักแสดง/นำแสดงโดย
- เอลล่า รูบิน รับบทเป็น โคลเวอร์ พอล
- ไมเคิล ซิมิโนรับบทเป็น แม็กซ์
- โอเดสซา อาซิออน รับบทเป็น นิน่า ไรลีย์
- เบลมอนต์ คาเมลี รับบทเป็น อาเบะ
- จียอง ยู รับบทเป็น เมแกน
- ไมอา มิตเชลล์ รับบทเป็น เมลานี พอล

อ่านเรื่องย่อของ Until Dawn ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง
หนึ่งปีหลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของ เมลานี พอล น้องสาวของเธอ โคลเวอร์ พร้อมด้วยเพื่อนๆ ได้แก่ แม็กซ์ อดีตแฟนหนุ่มของโคลเวอร์, นิน่า เพื่อนสนิทของโคลเวอร์, อาเบะ แฟนของนิน่า และ เมแกน น้องสาวต่างมารดาของแม็กซ์ ได้ออกเดินทางไปยังกลอเรวัลเลย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เมลานีเคยส่งข้อความมาครั้งสุดท้าย เมื่อมาถึง พวกเขาได้พบกับสถานีบริการน้ำมันที่มีพนักงานชื่อ ดร.ฮิลล์ ซึ่งเตือนว่าผู้คนมักหายตัวไปบนถนนที่มุ่งหน้าไปยังกลอเรวัลเลย์

เนื่องจากฝนตกหนัก พวกเขาจึงตัดสินใจหาที่พักในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ดูร้าง ภายในนั้น พวกเขาพบโปสเตอร์คนหายจำนวนมาก รวมถึงของเมลานีด้วย ในขณะที่สำรวจ พวกเขาถูกโจมตีโดยฆาตกรสวมหน้ากากพร้อมอาวุธ และถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งในจุดเริ่มต้นของคืนนั้น พร้อมกับพบว่าเหตุการณ์ทั้งหมดกำลังวนซ้ำ พวกเขาตระหนักว่าติดอยู่ในลูปเวลา และการตายจะรีเซ็ตคืนใหม่ โดยมีภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้ง

ดูหนัง รีวิวหนัง Until Dawn ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง
บทของ Until Dawn เวอร์ชันภาพยนตร์มีความพยายามดัดแปลงโครงสร้างแบบเส้นเรื่องหลายเส้นที่ส่งผลกระทบต่อกันให้กระชับและเหมาะกับฟอร์แมตหนัง ความลับ ความขัดแย้ง และความรู้สึกผิดของตัวละครถูกปูทางอย่างชัดเจน และค่อย ๆ คลี่ออกท่ามกลางภัยคุกคามเหนือธรรมชาติ ซึ่งแม้จะไม่สามารถเล่าได้ครบทุกแง่มุมแบบเกม แต่ก็สามารถรักษาแก่นสำคัญของความเลือกแล้วเปลี่ยนชะตาไว้ได้ดีในระดับหนึ่ง ดูหนัง แล้วรู้สึกว่าผู้กำกับเดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก ถ่ายทอดบรรยากาศความกดดันได้อย่างแม่นยำ ทุกซีนที่กล้อง “นิ่งเงียบ” กลับก่อให้เกิดความหวาดระแวงมากกว่าซีนที่เสียงดังสนั่นเสียอีก การเลือกไม่เน้นจั๊มป์สแกร์มากเกินไป ทำให้ความกลัวซึมลึกและค่อย ๆ แผ่ขยายแบบภาพยนตร์จิตวิทยาเต็มรูปแบบ

นักแสดงนำหน้าใหม่หลายคนสามารถแบกบทหนักได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะตัวเอกที่ต้องสื่ออารมณ์จากความกลัว ความสับสน ไปจนถึงการตัดสินใจยากลำบาก ท่ามกลางความสูญเสียของกลุ่มเพื่อนที่ค่อย ๆ ตายไปทีละคน งานภาพของ Until Dawn ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง เน้นโทนเย็น หิมะ สีฟ้าอมเทา และแสงไฟกะพริบ เป็นภาษาภาพที่สื่อถึงความโดดเดี่ยว ความไม่แน่นอน และความหนาวเย็นได้อย่างทรงพลัง มุมกล้องหลายจุดทำให้นึกถึงมุมจากเกมต้นฉบับ สร้างความเชื่อมโยงที่กลมกล่อม เสียงประกอบและซาวด์เอฟเฟกต์มีบทบาทสำคัญอย่างมาก เสียงลมหายใจ เสียงก้าวเดินบนหิมะ และเสียงบางอย่างที่ไม่ได้มองเห็น กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาความระแวงของคนดู ดนตรีประกอบเน้นเครื่องสายต่ำ ๆ และเสียงกระซิบที่บีบอารมณ์ในฉากตัดสินใจสำคัญ
Leave a Reply