ในโลกที่กล้องมือถือสามารถถ่ายทอดความเป็นความตายให้โลกรับรู้แบบเรียลไทม์ iHostage (2025) คือหนังทริลเลอร์ร่วมสมัยที่ตีแผ่ด้านมืดของโซเชียลมีเดีย ความหิวกระหายของผู้ชม และอำนาจที่ถูกบิดเบือนผ่านปลายนิ้ว ผลงานล่าสุดของผู้กำกับชาวดัตช์ บ็อบบี้ บัวร์แมนส์ ผู้ถนัดการสร้างความกดดันในพื้นที่จำกัด กลับมาอีกครั้งกับการ ดูหนัง ที่พล็อตเรื่องสุดระทึก เมื่อเหตุการณ์จับตัวประกันกลายเป็นคอนเทนต์ถ่ายทอดสดให้ทั้งโลกจับตา ไม่ใช่ผ่านรายงานข่าว แต่ผ่านกล้องของคนร้ายเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการเอาตัวรอด แต่คือบทสำรวจความจริงอันไม่สวยงามของโลกออนไลน์ที่เรามีส่วนร่วมทุกวันอย่างไม่รู้ตัว
นักแสดง/นำแสดงโดย
- ซูฟียาน มูซูลี รับบทเป็น อัมมาร์ อาจาร์
- เอ็มมานูเอล โอเฮเน่ โบอาโฟ รับบทเป็น มิงกัส
- โลเอส ฮาเวอร์คอร์ต รับบทเป็น ลินน์
- รูสมาริน ฟาน เดอร์ โฮค รับบทเป็น เบนเต้
- มาร์เซล เฮนเซม่า รับบทเป็น คีส ฟาน ซานเทน

อ่านเรื่องย่อของ iHostage (2025)
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่ออิเลียน ชายชาวบัลแกเรียเดินทางมายังอัมสเตอร์ดัมเพื่อทำงาน เขาเข้าไปในร้าน Apple Store ที่ย่าน Leidseplein เพื่อซื้อหูฟัง AirPods ที่ลืมไว้บนรถไฟ ทันใดนั้น ชายติดอาวุธชื่อ อัมมาร์ อาจาร์ บุกเข้ามาในร้านพร้อมอาวุธปืนและเสื้อกั๊กที่อ้างว่ามีระเบิด อัมมาร์ จับตัวอิเลียนเป็นตัวประกันและเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวน 200 ล้านยูโรในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล

สถานการณ์ตึงเครียดดำเนินไปนานกว่า 5 ชั่วโมง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยพิเศษปิดล้อมพื้นที่ ในระหว่างนั้น อัมมาร์ได้ถ่ายภาพเซลฟี่กับอิเลียน และส่งไปยังสื่อท้องถิ่นเพื่อสร้างความหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม อิเลียนใช้จังหวะที่ อัมมาร์เผลอหลบหนีออกจากร้านเพื่อไปหยิบน้ำดื่ม อัมมาร์วิ่งตามออกมาและถูกตำรวจใช้รถชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ไม่มีผู้บริสุทธิ์คนใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้

ดูหนัง รีวิวหนัง iHostage (2025)
บ็อบบี้ บัวร์แมนส์ ผู้กำกับชาวดัตช์ สามารถควบคุมโทนหนังได้อย่างตึงเป๊ะตั้งแต่วินาทีแรกจนจบ ความโดดเด่นคือการคุมจังหวะเรื่องราวให้ระทึกแบบไม่ต้องใช้เอฟเฟกต์ใหญ่โต แค่การจำกัดโลเคชันใน Apple Store ก็สามารถสร้างความอึดอัดทางอารมณ์ได้อย่างมีพลัง การเลือกเล่าเรื่องในเวลาจริง โดยใช้การถ่ายทอดสดจากมือถือของตัวร้ายเป็นแกนหลัก ถือว่ากล้าหาญและร่วมสมัยมาก ทำให้ iHostage (2025) โดดเด่นกว่าหนังจับตัวประกันทั่วไป บทในเรื่องไม่ได้ซับซ้อน แต่มีประเด็นที่หนักแน่น โดยเฉพาะการตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของผู้ชมที่รับรู้เหตุการณ์ผ่านไลฟ์สดอย่างเฉยเมยหรือสนุกสนาน ราวกับกำลังดูโชว์ บทสนทนาในหนังแม่นยำ ไม่เยิ่นเย้อ และเต็มไปด้วยแรงกดดัน

ตัวร้ายอย่าง อัมมาร์ไม่ถูกลดให้เป็นเพียงวายร้ายขาดสติ แต่หนังค่อย ๆ เผยแรงจูงใจ จนทำให้ผู้ชมรู้สึกลังเลว่า เขาเป็นผู้ร้ายจริงหรือเหยื่อ ดูหนัง ที่มีการถ่ายทำโดยใช้กล้องมือถือ, กล้องวงจรปิด, และภาพถ่ายทอดสด สลับกับกล้องปกติได้อย่างลื่นไหล สร้างความรู้สึกร่วมเหตุการณ์แบบไม่เฟค การใช้แสงธรรมชาติในร้านและการไล่เฉดสีระหว่างภายในร้านกับภายนอก ช่วยแบ่งขั้วความรู้สึกได้ชัดเจน iHostage พุ่งเป้าไปที่ พฤติกรรมการเสพข่าว ของผู้คนยุคใหม่ที่ติดตามเหตุร้ายแรงแบบเรียลไทม์ แต่กลับไม่รู้สึกว่า “ตัวเองมีส่วนร่วมในความรุนแรง หนังยังตั้งคำถามว่า โซเชียลมีเดียช่วยเหลือหรือซ้ำเติม และผู้ร้ายทุกคนคือคนเลวจริงหรือเป็นผลผลิตของความไม่เท่าเทียมทางสังคม ด้านเสียงประกอบในหนังที่ถูกออกแบบมาให้สะกดหูผู้ชม โดยเฉพาะเสียงไลฟ์ เสียงแจ้งเตือน เสียงกดมือถือ เสียงถอนหายใจของตัวละคร เหล่านี้ถ่ายทอด ความจริง มากกว่าใช้ดนตรีเร้าอารมณ์ จนทำให้หนังไม่เวอร์แต่หนักแน่น เมื่อมีดนตรีเข้ามา มักใช้ในจังหวะท้ายฉาก เพื่อปล่อยอารมณ์ให้ระเบิดออกมาอย่างเจ็บลึกและปวดร้าว
Leave a Reply