รอมาถึง 5 ปี จากภาคแรกที่ฉายในปี 2020 วันนี้พร้อมพากย์ไทยแล้ว The Old Guard 2 ดิ โอลด์ การ์ด 2 กลับมาในฐานะภาพยนตร์แอ็คชั่น–ไซไฟที่แตกต่าง ด้วยการสำรวจหัวใจของนักรบผู้เป็นอมตะผ่านมุมมองของความสูญเสีย การเลือกทางเดินใหม่ โดยอิงจากหนังสือการ์ตูน The Old Guard ดูหนัง ภาคต่อของหนังแอ็คชั่นยอดนิยมจาก Netflix ในปี 2020 นี้ ยกระดับสเกลทั้งในด้านเนื้อเรื่อง ฉากแอ็คชั่น และเดิมพันทางอารมณ์ที่ลึกกว่าเดิม โดยภาคนี้ได้ วิคตอเรีย มาโฮนีย์ มากำกับ ซึ่งเลือกใช้สไตล์การเล่าเรื่องที่เน้นมิติของตัวละคร และเปิดโลกอมตะให้กว้างไกลกว่าภาคแรก เนื้อหาของภาคนี้ยังต่อเนื่องจากตอนจบภาคแรก แต่เพิ่มองค์ประกอบใหม่ทั้งในเชิงตำนาน และภัยคุกคาม ทำให้เรื่องราวมีความแฟนตาซีเข้มข้นขึ้น
นักแสดง/นำแสดงโดย
- ชาร์ลิซ เธอรอน รับบทเป็น แอนโดรมาเค “แอนดี้”
- คิคิ เลย์น รับบทเป็น ไนล์ ฟรีแมน
- มาร์วาน เคนซารี รับบทเป็น โจ
- ลูก้า มาริเนลลี รับบทเป็น นิกกี้
- เวโรนิก้า โง รับบทเป็น ควินห์
- ชิวีเทล เอจิโอฟอร์ รับบทเป็น เจมส์ คอปลีย์

อ่านเรื่องย่อของ The Old Guard 2 ดิ โอลด์ การ์ด 2
ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกโดยตรง นำทีมโดย แอนดี้, ไนล์, โจ, นิกกี้, คอปลีย์ และ บุกเกอร์ คู่หูที่ยังเป็นอมตะ แต่แอนดี้กลับสูญเสียพลังอมตะไป เกิดการท้าทายใหม่เมื่อ ควินห์ เพื่อนร่วมทีมเก่าเสียชีวิตและถูกคืนชีพโดยความแค้นเก่า และร่วมมือกับ ดิสคอร์ด ผู้เป็นอมตะแรกสุด พวกเขาหวังจะล้างแค้นแอนดี้และ รีเซ็ตระบบอมตะทั้งหมด

พวกโอลด์ การ์ดจึงตัดสินใจร่วมมือกับ ตูอาห์ อมตะรุ่นเก่า เพื่อไขความลับด้านการถ่ายโอนพลังอมตะ โดยค้นพบว่า ไนนายด์เป็นอมตะคนสุดท้าย และผู้ที่เป็นอมตะใหม่สุด สามารถถอดหรือถ่ายทอดพลังได้ ในฉากไคลแมกซ์ บุกเกอร์ยอมเสียสละถ่ายทอดพลังให้แอนดี้ เพื่อช่วยเธอฟื้นคืนความอมตะและปกป้องกลุ่ม ก่อนที่จะสละชีพในฐานะคนธรรมดา

ดูหนัง รีวิวหนัง The Old Guard 2 ดิ โอลด์ การ์ด 2
ภาคต่อของหนังแอ็คชั่น–ไซไฟยอดฮิตจาก Netflix ในปี 2020 กลับมาพร้อมความคาดหวังที่สูงขึ้น และพยายามขยายโลกของนักรบอมตะให้ใหญ่กว่าเดิม แต่ผลลัพธ์กลับออกมากลางๆ โดยมีทั้งจุดที่แข็งแรงและจุดที่สะดุดชัดเจนในหลายองค์ประกอบ เขียนบทโดย เกร็ก รัคก้า และ ซาร่าห์ แอล. วอล์คเกอร์ ผู้แต่งฉบับคอมิกเช่นเคย บทใน The Old Guard 2 ดิ โอลด์ การ์ด 2 พยายามวางโครงสร้างเรื่องให้ลึกขึ้น โดยเฉพาะการแสดงผลกระทบของชีวิตอมตะต่อจิตใจของตัวละคร แต่กลับมีจุดอ่อนในด้าน จังหวะการดำเนินเรื่อง ที่ไม่สม่ำเสมอ บางช่วงช้าเกินไป ขาดพลังเฉพาะตัวของภาคแรก

กำกับโดย วิคตอเรีย มาโฮนีย์ ที่เปลี่ยนจากโทนการเล่าเรื่องแนวดราม่า+ดิบของภาคแรก ไปสู่แนวไซไฟ–ฟอร์มใหญ่ แม้พยายามใส่ความลึกและอารมณ์เข้มในบางฉาก แต่ระหว่างที่ ดูหนัง รู้สึกว่าบางตอนขาดจังหวะเร้า และโทนบู๊หนักแน่น ที่ทำให้ภาคแรกโดดเด่น นักแสดง ชาร์ลิซ เธอรอน ยังคงแข็งแรงในบท แอนดี้ที่มีพลังในแววตาแม้เธอจะไม่ใช่ผู้เป็นอมตะแล้ว ด้านภาพทำได้สวยและมีสไตล์มากขึ้น โทนภาพหม่นๆ บ่งบอกถึงความล้าของตัวละครได้ดี ฉากในโครเอเชีย อิตาลี และเบอร์ลิน ถูกใช้เป็นโลเกชันหลัก สะท้อนโลกที่กลุ่มอมตะซ่อนตัวได้อย่างลงตัว ฉากแฟลชแบ็กในอดีตออกแบบได้น่าจดจำ โปรดักชันงานดีขึ้นกว่าภาคแรกชัดเจน ภาคนี้ถูกวิจารณ์มากที่สุดในจุดนี้ เพราะจังหวะการเล่าเรื่องไม่แน่น บทพูดเยอะเกินจนแอ็กชันดูแทรกมาไม่สุดผู้ชมอาจรู้สึกยืดเยื้อและไม่มีจุดพีคที่น่าจดจำเท่าภาคแรก
Leave a Reply