หนังที่หยิบเรื่องราวจากศาสนาคริสต์มาตีความใหม่ มีทั้งผลงานที่โดดเด่นและผลงานที่ล้มเหลวไปอย่างเงียบงัน แต่ Mary มารีย์ ภาพยนตร์ไบเบิลดราม่าที่กำกับโดย กำกับโดย ดีเจ คารูโซ จากบทภาพยนตร์โดย ทิโมธี ไมเคิล เฮย์ส ฉายทาง Netflix ในปี 2024 ด้วยการเล่าเรื่องของพระแม่มารีย์ในมุมที่เป็นมนุษย์ มากกว่าจะเป็นนักบุญ หรือ ผู้ถูกเลือก ดูหนัง เรื่องนี้นำเสนอภาพของแมรีในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องรับมือกับแรงกดดันจากสังคม ศาสนา อำนาจรัฐ และความรุนแรงของยุคสมัย จุดเด่นของหนังไม่ใช่แค่ความกล้าหาญในการนำเสนอ แต่ยังอยู่ที่วิธีการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ คลี่คลายประเด็นศรัทธา ความกลัว ความหวัง และการถูกตีตราออกมาอย่างละเมียดละไม โดยมีโทนภาพที่หม่นเศร้า ทว่าหนักแน่น และบทภาพยนตร์ที่พยายามให้เกียรติทั้ง “ศาสนา” และ “ผู้หญิง” ไปพร้อมกัน
นักแสดง/นำแสดงโดย
- โนอา โคเฮน รับบทเป็น แมรี่
- อิโด ทาโกะ รับบทเป็น โจเซฟ
- โอริ พเฟฟเฟอร์ รับบทเป็น โจอาคิม
- ฮิลลา วิดอร์ รับบทเป็น แอนน์
- ดัดลีย์ โอชอห์เนสซี รับบทเป็น กาเบรียล
- แอนโธนี่ ฮ็อปกินส์ รับบทเป็น เฮโรด
- มิลี อาวิทัล รับบทเป็น มาริอัมเน

อ่านเรื่องย่อของ Mary มารีย์
ทูตสวรรค์กาเบรียลปรากฏตัวต่อโยอาคิมและบอกเขาว่าเขาจะมีบุตรสาว ซึ่งเขาและภรรยา แอนน์ ต้องอุทิศให้กับการรับใช้พระเจ้า เก้าเดือนต่อมา แอนน์ให้กำเนิดมารีย์ในเมืองนาซาเร็ธ ในขณะเดียวกัน กษัตริย์เฮโรดมหาราชประกาศแผนการสร้างพระวิหารที่สองขึ้นใหม่ และด้วยความหวาดกลัวต่อภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของพระองค์ พระองค์จึงสั่งประหารอริสโตบูลัส น้องชายของพระมเหสีมารีแอมเน เมื่อมารีแอมเนประท้วง เฮโรดก็สังหารเธอด้วยตนเอง

หลายปีต่อมา โยอาคิมและแอนน์พามารีย์ไปที่พระวิหารในเยรูซาเล็มเพื่อถวายตัวแด่พระเจ้า เธอได้รับการต้อนรับจากอันนา ผู้เผยพระวจนะ และบาบา เบน บูทา และได้รับการศึกษาในพระวิหารจนกระทั่งเป็นวัยรุ่น ขณะซักผ้าที่ลำธาร เธอได้พบกับโยเซฟ ซึ่งประทับใจในตัวเธอและขอเธอแต่งงานอย่างรวดเร็ว หลังจากหมั้นหมาย ทูตสวรรค์กาเบรียลปรากฏต่อมารีย์และบอกเธอว่าเธอจะให้กำเนิดบุตรชายและตั้งชื่อว่าเยซู เมื่อมหาปุโรหิตทราบเรื่องการตั้งครรภ์ของมารีย์ พวกเขาขับไล่เธอออกจากพระวิหาร แต่อันนาบอกเธอว่าเธอจะกลับมาในสักวันหนึ่ง

ดูหนัง รีวิวหนัง Mary มารีย์
โนอา โคเฮน ผู้รับบท “แมรี” แสดงได้อย่างเปราะบาง นุ่มนวล และทรงพลังในแบบของตัวเอง เธอไม่พยายามสื่อความศักดิ์สิทธิ์ด้วยท่าทางที่ใหญ่โต แต่ใช้ดวงตา เสียง และความเงียบในการสื่อสารได้ลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะฉากที่เธอเผชิญหน้ากับความไม่เชื่อของคนรอบข้าง เธอทำให้คน ดูหนัง เชื่อว่าผู้หญิงธรรมดาคนนี้มีบางอย่างในใจที่มั่นคงกว่าโลกทั้งใบ ส่วน แอนโธนี่ ฮ็อปกินส์ กับบทกษัตริย์เฮโรด กลายเป็นแม่เหล็กดึงพลังของหนัง เขาสวมบทบาทของผู้ปกครองที่เผด็จการ เยือกเย็น และไร้เมตตาได้อย่างเฉียบขาด เป็นการแสดงที่แฝงไปด้วยพลังเชิงจิตวิทยาและความไม่ไว้วางใจ ทำให้ทุกฉากที่เขาปรากฏดูหนักแน่นขึ้นทันที Mary มารีย์ เลือกที่จะเล่าเรื่องของพระแม่มารีย์ในฐานะมนุษย์ที่มีศรัทธา แทนที่จะเน้นภาพลักษณ์ของ “นักบุญ” หรือ “มารดาของพระเจ้า” ที่เราคุ้นชินกัน บทภาพยนตร์มีการตีความตัวละครแมรีให้ซับซ้อน มีทั้งความกลัว ความไม่แน่ใจ ความเจ็บปวดจากการถูกกดทับ และความศรัทธาที่เปราะบาง แต่ไม่เคยดับสูญ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของบทคือการเดินเรื่องที่บางช่วงขาดพลัง โดยเฉพาะช่วงกลางเรื่องที่ปมบางอย่างถูกนำเสนออย่างเร่งรัด หรือยังไม่ตกผลึกพอ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างแมรีกับโยเซฟ หรือความขัดแย้งเชิงศาสนา ซึ่งแม้จะมีเจตนาดี แต่ยังไม่ถึงจุดที่กระแทกใจคนดูได้เต็มที่
Leave a Reply