รีวิว 65 ผจญนรกล้านปี หนึ่งภารกิจ…สองชีวิต…ล้านปีแห่งการเอาชีวิตรอด 

จากผู้เขียนบท A Quiet Place สู่โปรเจกต์ไซไฟ-เอาชีวิตรอดที่พาคุณเดินทางไกลกว่าที่คิด 65 ผจญนรกล้านปี เป็นหนังที่ผสมผสานความตื่นเต้นแบบเอาตัวรอดเข้ากับความลึกลับของอดีตกว่า 65 ล้านปีก่อน เรื่องราวของนักบินจากต่างดาว “มิลส์” (อดัม ไดรเวอร์) ที่ต้องเผชิญเหตุการณ์เครื่องตกบนดาวที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะค้นพบว่าที่แห่งนั้นคือโลกในยุคไดโนเสาร์ กำกับโดย สก็อตต์ เบ็ค และไบรอัน วูดส์ ความท้าทายไม่ได้มีแค่ธรรมชาติอันโหดร้าย แต่ยังรวมถึงการปกป้องผู้รอดชีวิตอีกคนและหาทางหนีเอาชีวิตรอดก่อนหายนะครั้งใหญ่จะมาถึง ดูหนัง ที่ใช้คอนเซปต์ มนุษย์ต่างดาวติดอยู่บนโลกในยุคดึกดำบรรพ์ มาสร้างความระทึก พร้อมภาพวิชวลเอฟเฟกต์และงานเสียงที่ตั้งใจให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางป่าไดโนเสาร์จริง ๆ เป็นการผสมความดราม่าและแอ็คชั่นในปริมาณที่พอดีสำหรับสายไซไฟผจญภัย

• อดัม ไดรเวอร์ รับบทเป็น มิลส์
• อาริอานา กรีนแบลตต์ รับบทเป็น โคอา
• โคลอี โคลแมน รับบทเป็น เนวีน
• นิก้า คิง รับบทเป็น แม่ของเนวีน

อ่านเรื่องย่อของ 65 ผจญนรกล้านปี

เรื่องราวเริ่มต้นในอนาคตอันไกลโพ้น ที่มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางในอวกาศจนสามารถสำรวจดาวเคราะห์อื่นได้ “มิลส์” เป็นนักบินอวกาศจากดาวดวงหนึ่งที่ต้องทำภารกิจรับผู้โดยสารอพยพ แต่กลับเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง ยานตกลงบนดาวเคราะห์ที่ดูเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิต แต่ไม่นานเขาก็พบว่า ดาวดวงนั้นคือ “โลก” เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ช่วงยุคที่ยังเต็มไปด้วยไดโนเสาร์และภัยอันตรายจากธรรมชาติที่ไร้ความปรานี

ผู้รอดชีวิตมีเพียง โคอา เด็กสาวตัวน้อยที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาเดียวกับเขาได้ ทั้งสองต้องร่วมมือกันเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ดุร้าย หรือสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของป่า และในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจากธรรมชาติ พวกเขาก็พบว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้กำลังจะถึงวาระสุดท้าย นั่นคือการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยครั้งใหญ่ ที่เป็นต้นเหตุการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์

ดูหนัง รีวิวหนัง 65 ผจญนรกล้านปี

สก็อตต์ เบ็ค และไบรอัน วูดส์ เลือกใช้โทนการเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวละครหลักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพาผู้ชมเข้าสู่เหตุการณ์รุนแรงและการเอาชีวิตรอดทันที ข้อดีคือไม่เสียเวลาปูยาว แต่ข้อเสียคือบางส่วนของ 65 ผจญนรกล้านปี รู้สึกขาดมิติและความผูกพันกับตัวละคร ทำให้แรงดึงดูดทางอารมณ์ไม่เต็มที่ บทค่อนข้างกระชับและเน้นฉากแอ็กชันหนีเอาตัวรอดกับไดโนเสาร์มากกว่า เนื้อเรื่องหลักมีเพียงภารกิจพาเด็กสาวรอดชีวิตและหาทางออกจากดาว แต่ขาดการขยายความลึกซึ้งของโลกและภูมิหลัง ทำให้ความรู้สึกว่ามันเป็น “การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่” ถูกลดทอนลง อดัม ไดรเวอร์ แบกหนังเกือบทั้งเรื่อง การแสดงของเขาสื่อความเหน็ดเหนื่อย ความหวาดระแวง และความเป็นผู้ปกป้องได้ชัด ส่วน อาริอานา กรีนแบลตต์ ในบทเด็กสาวก็เล่นได้มีพลัง มีความเป็นธรรมชาติและทำให้คู่หูดูมีเคมีเข้ากัน 

งานภาพสวยมาก การใช้โทนสีหม่นปนเขียว-น้ำเงิน สร้างบรรยากาศลึกลับและกดดัน ดูหนัง ที่สร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อมของดาวที่เต็มไปด้วยหมอก ป่า และทุ่งโล่งทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในพื้นที่จริง แต่บางช็อตก็ใช้ CGI หนักจนดูหลอกตาเล็กน้อย ฉากไดโนเสาร์และสัตว์ประหลาดมีความดุดัน ออกแบบให้ดูล้ำกว่ารูปแบบดึกดำบรรพ์ธรรมดา เอฟเฟกต์การต่อสู้และการไล่ล่าทำได้ลุ้นและน่าตื่นเต้น แม้จะไม่ละเอียดระดับสุด แต่ก็เพียงพอให้ผู้ชมจดจ่อ ดนตรีช่วยเสริมความตึงเครียด โดยเฉพาะในฉากไล่ล่า เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดและเสียงสิ่งแวดล้อมถูกผสมอย่างมีชั้นเชิง ทำให้หลายฉากรู้สึกขนลุกและลุ้นตาม 65 เป็นหนังไซไฟ-ผจญภัยที่ดูเพลิน ลุ้นตลอด มีความเป็นเอาชีวิตรอดผสมสัตว์ประหลาด เหมาะกับคนที่ชอบหนังที่ไม่ต้องคิดซับซ้อนมาก แต่ถ้าคุณหวังความลึกทางเนื้อเรื่องหรือการสำรวจโลกอย่างจริงจัง อาจรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงจุดนั้น